วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2
ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้น
ถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2

ชาวโรมันมีการเดินทางกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาลเนื่องจากความกว้างใหญ่ไพศาลของอาณาจักรโรมัน ชาวโรมันเข้าครอบครองเมืองปอมเปอี เมื่อ 80 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้เมืองนี้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนมั่งมีทั้งหลาย ชาวโรมันพากันมาเที่ยวที่อ่าวเมืองเนเปิล มีการสร้างบ้านพักและวิลล่าที่สวยงาม ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางสมัยนั้นคือ ความมั่นคงทางการเมืองและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ชาวโรมันมีอำนาจในการซื้อมากและเป็นนักล่าของที่ระลึกชาติแรกๆของโลก คือ ภาพวาดจิตรกรที่สำคัญๆ ชิ้นส่วนแขนขา ของรูปแกะสลักพวกนักบุญหรือเทพีต่างๆซึ่งทำจากหินอ่อนหรือสำริด การกระจายอำนาจทางการบริหารและอำนาจทางทหารในยุคอาณาจักรโรมันทำให้คนโรมันเดินไปต่างประเทศเพื่อเยื่อยมญาติและเพื่อนฝูง การพัฒนาทางด้านการสื่อสารอย่างรวดเร็วประกอบกับชัยชนะของชาวโรมัน ทำให้ การเดินทางมีมากขึ้น การมีถนนชั้นเยี่ยม และสถานที่พักแรม ทำให้การเดินทางมีควาปลอดภัย รวดเร็วและสะดวกขึ้น อาณาจักรโรมันล่มสลายลงใน ค.ศ 476หรือในตอนกลางคริสตศตวรรษที่5 ทวีปยุโรปเข้าสู่ยุคกลาง (The Middle Age) หรือยุคมืด (Dark Age)

การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตศตวรรษที่17 ถึงต้นศตวรรษที่ 19
การพัฒนารถม้า 4 ล้อ ที่มีระบบกันสะเทือนด้วยสปริงนับเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่สำหรับคนที่จะต้องเดินทาง รถม้า ตู้ทึบชนิด4ล้อ โดยมีจุดเปลี่ยนม้าระหว่างทางมีส่วนช่วยอย่างสำคัญในเรื่องการเดินทาง พาหนะแบบนี้ได้เริ่มมีขึ้นในประเทศอังกฤษในต้นศตวรรษที่17 เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วทั้งทวีป เมื่อกลางศตวรรษที่18 เช่นประเทศออสเตรเลียได้เริ่มใช้รถตู้และลากด้วยม้าเป็นครั้งแรกในปี คศ.1749 การสร้างรถม้าที่ลดการกระแทกด้วยระบบการแขวนตัวรถด้วยสายหนัง ทำให้การเดินทางมีควาสบายมากขึ้น ในศตวรรษที่18 มีระบบทางด่วนที่ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าผ่านทางเกิดขึ้น โดยมีการปรับปรุงผิวการจราจรทำให้รถตู้4ล้อ ลากด้วยม้าซึ่งบรรทุกคนได้ระหว่าง8-14คนวิ่งได้ถึง 40 ไมล์ต่อวันในช่วงฤดูร้อน ต่อมามีการปรับปรุงระบบกันสะเทือนที่เป็นโลหะทำให้เกิดควาสบายมากขึ้น รถเทียมม้าชนิดนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาการเดินทางภายในอาณานิคมของทวีปอเมริกาเหนือด้วย ประมาณ คศ. 1815 ถนนหนทางในทวีปยุโรปมีการพัฒนาดีขึ้น หลุมบ่อลดน้อยลง มีการพัฒนารถโดยสารสาธารณะที่เรียกว่า Charabanc เป็นครั้งแรกในปี คศ. 1832 รถแบบนี้ได้ถูกนำมาใช้กับรถยนต์โยสารเพื่อการท่องเที่ยวในตอนต้นศตวรรษที่20 ทำให้การเดินทางถายในเมืองสะดวกขึ้น

การท่องเที่ยวในศตวรรษที่20 (1901-200) ช่วง 50ปีแรก (1901-1950)

คนนิยมเดินทางด้วยรถส่วนตัวมากขึ้น มีการพัฒนาถนน พัฒนารถบรรทุกที่ขนสัมภาระในสงคราม ให้เห็นเป็นรถ Coach พาหนะแบบนี้ได้รับความนิยมมากในช่วงทศวรรษที่ 1920 รถ Coach แบบหรูของบริษัท Motorways แบบนั่งสบายขนาด 15 ที่นั่ง มีบาร์ มีห้องน้ำ วิ่งบริการในยุโรปและอเมริกาเหนือ ทศวรรษที่ 1920 การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็เป็นการท่องเที่ยวที่นิยมในหมู่คนชั้นกลางในประเทศอังกฤษ คนเดินทางด้วยรถไฟน้อยลง การกำเนิดอุตสาหกรรมการบินในระยะแรกเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของบริการทางรถไฟและเรือกลไฟ เพราะบริการทางการบินในตอนแรกยังคงมีราคาแพง ขลุกขลัก ต้องหยุดพักบ่อย แต่การขนส่งผู้โดยสารหลังสงครามโลกครั้งที่2ที่เครื่องบินได้รับการพัฒนามากและดีพอที่จะทำการขนส่งผู้โดยสารเป็นการพาณิชย์และเป็นการบินระหว่างประเทศ

การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่2

ความสนใจของผู้คนที่จะเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เช่น เกิดความต้องการที่จะเห็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม เช่น หาดนอร์มังดีของฝรั่งเศส การยุติสงครามโลกครั้งที่2ในปี คศ. 1945 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องรูปแบบของการเดินทางครั้งสำคัญนั้น การเดินทางระยะไกลด้วยเครื่องบินซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการบินได้เกิดขึ้นในปีคศ.1970 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเช่าเหมาลำเพื่อทำธุรกิจทัวร์เหมา ซึ่งเฟื่องฟูอย่างมาก หลังสงครามโลกครั้งที่2 ได้จัดทัวร์เหมาเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ พานักท่องเที่ยวเดินทางจากนิวยอร์คไปชิคาโก เพื่อดูการแข่งขันมวย ในทศวรรษที่ 1960 มีการจัดทัวร์เหมาไปแถบเมดิเตอเรเนี่ยน อย่างแพร่หลาย














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น